เริ่มแรกมีรถเมล์ในประเทศไทย
วิทยาศาสตร์บนไม้กวาดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)
![]() |
แฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นบินครั้งแรกด้วยไม้กวาดของโรงเรียนฮอกวอตส์ในวิชาฝึกบินของมาดามฮูช
แต่ไม้กวาดด้ามแรกที่เป็นของเขาเอง คือ "นิมบัสสองพัน"
ส่วนไม้กวาดด้ามที่ 2 ของเขา คือ "ไฟร์โบลต์" ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 240 ก.ม./ช.ม.
และสำหรับแฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าฉากควิดดิช
เกมส์กีฬาของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ใช้ไม้กวาดเป็นพาหนะนั้น เป็นฉากที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
แล้วมันจะมีโอกาสเป็นความจริงได้บ้างหรือไม่?
จากหลักการในหนังสือ "วิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่พอตเตอร์" (The Science of Harry Potter) ของ Roger Highfield อธิบาย ดังนี้ คนที่สามารถล่องลอยบนอากาศได้ ต้องขึ้นอยู่กับการเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยการสร้างพลังแม่เหล็กที่สมบูรณ์ ดังที่ Andre Geim จากฮอลแลนด์ ได้ทดลองยกกบตัวเล็กให้ลอยกลางอากาศ ด้วยพลังแม่เหล็กจากการใช้รูปแบบของสภาวะแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Diamagnetism (วัตถุที่เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้ จะเกิดแรงผลักอ่อนๆ ออกนอกสนามแม่เหล็ก เมื่อนำแม่เหล็กออกไป คุณสมบัติแม่เหล็กนี้ก็หายไปด้วย) การยกกบให้ลอยขึ้นสูงสองเมตรในกระบอกทดลอง ต้องใช้สนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูงกว่าสนามแม่เหล็กธรรมชาติของโลกถึง 1 แสนเท่า และสูงกว่าแม่เหล็กติดตู้เย็นประมาณ 10 ถึง 100 เท่า แต่ปัญหาคือ ร่างกายมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กไม่สม่ำเสมอทั่วร่างกาย เนื้อหลังกับกระดูกจึงถูกดึงขึ้นและรั้งลงไปทั่วร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น หากยังไม่มีทฤษฎีอื่นมารองรับ หรือวิทยาการที่ก้าวไกลมากขึ้น ![]() |
"การกลั้นลมหายใจ"
โดยปรกติเราไม่ต้องคิดเลยเวลาหายใจ เพราะมันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามเราอาจเปลี่ยนแปลงจังหวะการหายใจของเราได้เมื่อต้องการ แต่ก็เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การเป่าลูกโป่ง การผิวปากเรายังสามารถกลั้นลมหายใจได้ในช่วงสั้น ๆ และบางคนซึ่งฝึกฝนมาอย่างดีอาจกลั้นหายใจได้นานหลายนาทีร่างกายของเรายังมีกลไกป้องกันความผิดพลาดที่เรียกว่า Failsafe ซึ่งไม่ยอมปล่อยให้เราหยุดหายใจนานเกินไปเป็นอันขาด บางครั้งพ่อแม่วิตกทุกข์ร้อนมากว่า ลูกเล็กซึ่งอาละวาดเอาแต่ใจด้วยการกลั้นหายใจอาจทำอันตรายกับตนเองจนถึงแก่ชีวิตได้ ถึงแม้ว่าบางคนพยายามกลั้นหายใจ จนหน้าเขียวเป็นลมหมดสติไปแต่ทันทีที่ตกอยู่ในสภาพนั้นกลไกเฟลเซฟจะกระตุ้นให้ระบบการหายใจของร่างกายเริ่มทำงานอีกครั้งหนึ่ง ถ้าพิจารณาจากข้อมูลนี้ คนปรกติก็ไม่น่าจะกลั้นใจตายได้นะ ทารกแรกเกิดหายใจประมาณ ๑ ครั้งทุกวินาทีหรือ ๖๐ ครั้งต่อนาที เมื่อโตขึ้นหน่อยทารกหายใจประมาณ ๔๐ ครั้งต่อนาที ส่วนเด็กโตจะหายใจช้าลงกว่าทารกเล็กน้อย และผู้ใหญ่หายใจประมาณ ๑๕-๒๐ ครั้งต่อนาที นั่นคือหายใจหนึ่งครั้งทุก ๔-๕ วินาที ช่วงนอนหลับร่างกายค่อนข้างนิ่งเคลื่อนไหวน้อย จึงต้องการปริมาณออกซิเจนลดลง จังหวะหายใจจะค่อย ๆ ช้าลงและสม่ำเสมอ ความรู้ข้อนี้ได้นำมาใช้ประโยชน์ในเรือดำน้ำ ระหว่างช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้งโดยบรรดาลูกเรือต้องถูกสั่งให้นอนหลับมากเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อใช้อากาศภายในลำเรือให้น้อยที่สุด สัตว์ประเภทต่าง ๆ หายใจในอัตราช้าเร็วต่างกัน โดยทั่วไปสัตว์เล็กหายใจเร็วกว่าสัตว์ใหญ่ ตัวอย่างเช่น ในช่วงพักผ่อนหนูหายใจในอัตรา ๑๐๐-๒๐๐ ครั้งต่อนาที นกกระจอก ๙๐ ครั้งต่อนาที แมว ๒๐-๓๐ ครั้ง สุนัข ๑๕-๒๕ ครั้ง ม้า ๕ ครั้ง และช้างหายใจในอัตราเท่ากับม้า
ศูนย์ควบคุมการหายใจ ( Respiratory Center) ภายในก้านสมองตรงฐานสมอง ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการหายใจเซลล์กลุ่มนี้คอยตรวจสอบระดับออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดอย่างต่อเนื่อง เมื่อใดก็ตามที่ระดับคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น ศูนย์ควบคุมการหายใจจะสั่งกล้ามเนื้อที่เกี่ยวเนื่องกับการหายใจ ให้ทำงานเพิ่มขึ้นหรือเร็วขึ้นหรือทั้งสองอย่าง จนกว่าปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินจะถูกขับออกมาโดยปอด และกลไกของร่างกายกลับคืนสู่สภาพปรกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น